วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559



วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ)





วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ) เลขที่ ๑๔๔ บ้านถือน้ำ หมู่ที่ ๒ ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะมหานิกาย มีที่ดินจำนวน ๓๓ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา ทิศเหนือติดที่ดินนายเกลี้ยง รุ่งรัตน์ ทิศใต้จรดที่ดิน ร.ต.หล่ำ ชาญธัญการ ทิศตะวันออกติดที่ดินนางฟื้น สิมมาขันธ์ และทิศตะวันตกติดกับทางสาธารณะและแม่น้ำเจ้าพระยา ตามเอกสาร ส.ค.๑ เลขที่ ๙ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันออก อยู่ห่างจากที่ตั้งหน่วยมณฑลทหารบกที่ ๓๑ ค่ายจิรประวัติ ประมาณ ๑๕๐๐ เมตร














วัดศรีสวรรค์สังฆาราม เดิมมีชื่อว่า “ วัดถือน้ำ ” ได้สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๐ เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของทางราชการประจำทุกปี ต่อมาทางราชการได้สร้างศาลหลักเมืองขึ้น จึงได้ย้ายไปประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่ศาลหลักเมือง นามวัดจึงได้เปลี่ยนเป็นวัดศรีสวรรค์สังฆาราม แต่ชาวบ้านยังนิยมเรียกนามเดิมว่า “ วัดถือน้ำ ” อยู่ตลอดมา

นางสาว กาญจนา  บุญพันธ์ เลขที่ 37 ม.6/3

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

เวลาเปิดทำการ : 08.00 - 16.00

ที่อยู่ ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว
เขาหน่อ-เขาแก้ว ตั้งอยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน
ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ติดกับพื้นที่ของตำบลสลกบาตร  อำเภอขาณุวรลักษบุรี  จังหวัดกำแพงเพชร  (ห่างจากสลกบาตร 10 กม.) ระยะทางจากตัวจังหวัดนครสวรรค์ประมาณ 45 กิโลเมตร  และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร
เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดและโรงเรียนอยู่เชิงเขา ปัจจุบันโรงเรียนร้างไปแล้ว  แบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญคือ
1. เขานางพันธุรัตหรือเขาลูกเล็ก   มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว 60 ขั้น ระหว่างทางขึ้นยอดเขา  มีถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง  ด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่อยู่หน้าปากถ้ำ  และมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 4-5 องค์ หากจะเข้าถ้ำต้องเดินอ้อมหลังพระพุทธรูปเข้าไป  ภายในถ้ำมีลักษณะเปียกชื้น  นักท่องเที่ยวควรมีไฟฉายติดตัว  ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นถ้ำพญานาค  เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำทางเดินจะค่อยๆแคบลงจนไม่สามารถเดินต่อได้  ต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม  แล้วเดินทะลุออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อเดินขึ้นยอดเขาไปชมทัศนียภาพของวัด ณ ลานเผานางพันธุรัตได้   การปีนเขาลูกเล็กเหมาะสำหรับเด็กและคนชราที่ร่างกายไม่ ค่อยแข็งแรง
2.  เขาพระพุทธบาทหรือเขาลูกใหญ่   ด้านหน้ามีโรงเรียนร้างเป็นจุดสังเกต อยู่ห่างจากเขานางพันธุรัตประมาณ 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและเจดีย์เก่าอายุประมาณ 400 ปี  คาดว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย  มีระฆังที่นำไปแขวนใหม่ประมาณ 20 ใบ  มีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท 700 ขั้น  ก่อนถึงยอดเขาจะต้องปีนบันไดลิงอีก 5 ช่วง  ในอดีตเคยเป็นที่จัดแข่งขัน Walking Rally  แข่งขันพิชิตยอดเขาหน่อเป็นคนแรก  การปีนเขาลูกใหญ่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรง
เขาหน่อรับเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส โดยเสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง  เมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน

ส่วนเขาแก้วอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเขาหน่อ  ปัจจุบันมีถนนคั่นกลางแบ่งเขตกันอย่างชัดเจน  มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย  ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากินนับล้านตัว  ค้างคาวบินออกหากินจากถ้ำ 30 นาทีก็ยังออกจากถ้ำไม่หมด  ปัจจุบัน  อบต.บ้านแดนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  โดยสร้างศาลาไว้ชมค้างคาวไว้บริการนักท่องเที่ยว  โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์  จะมีผู้คนจากต่างถิ่นมาชมค้างคาวและรับประทานอาหารค่ำ  มีชาวบ้านนำอาหารมาจำหน่ายไว้บริการ


จัดทำโดย นางสาวภัทรีพันธ์  ทรัพย์อินทร์  ม.6/3  เลขที่ 41

บึงบอระเพ็ด

บึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามจริงๆนะที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นบึงทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ 132,737 ไร่ อยู่ในท้องที่สามอำเภอของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ กลางบึงมีตำหนักแพที่สร้างขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน
เดิมบึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีชื่อว่า "ทะเลเหนือ" หรือ "จอมบึง" เนื่องจากมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำเป็นจำนวนมาก รวมทั้งจระเข้ จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด มีพันธุ์สัตว์ที่หายากได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (พบครั้งแรกที่บึงบอระเพ็ด) ปลาเสือตอ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน้ำอพยพมาที่บึงแห่งนี้เป็นจำนวนมาก พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

ตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

บึงบอระเพ็ดตั้งอยู่ ณ. ตำแหน่งภูมิศาสตร์ที่ละติจูด 15 องศา 40 ลิปดา ถึง 15 องศา 45 ลิปดาเหนือ และ ลองจิจูด 100 องศา 10 ลิปดา ถึง 100 องศา 23 ลิปดาตะวันออก มีพื้นที่ประมาณ 132, 737 ไร่ หรือ 212.3792 ตารางกิโลเมตร อยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดนครสวรรค์ รวม 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก ซึ่งทั้ง 3 อำเภอได้แบ่งเขตที่กลางบึงบอระเพ็ด โดยมีอาณาเขต ดังนี้
  • ทิศเหนือ ขนานไปกับคลองปลากดในเขต อำเภอชุมแสง ท้องที่ตำบล ทับกฤช มีถนนสายทับกฤช – ท่าตะโก โดยได้แบ่งพื้นที่บึงบอระเพ็ดไปส่วนหนึ่งซึ่งพื้นที่ในด้านนี้จะมีความตื้น เขินมาก และมีราษฎร บุกรุกจับจองมากที่สุด
  • ทิศตะวันออก จากปากคลองปลากดใน ถึงบ้านแหลมจันทร์ ในเขตอำเภอชุมแสงผ่านบ้านคลองบอน บ้านกระทุ่มเจ้า บ้านปากง่ามเหนือ ในเขตอำเภอท่าตะโก รวมถึงพื้นที่เขาพนมเศษ
  • ทิศใต้ อยู่ในเขตอำเภอท่าตะโก และอำเภอเมือง จะขนานไปกับถ.สายนครสวรรค์–ท่าตะโก
  • ทิศตะวันตก อยู่ในเขตตำบลแควใหญ่ ตำบลเกรียงไกร อำเภอเมือง และ ตำบล ทับกฤช ในเขตอำเภอชุมแสงใช้ทางรถไฟเป็นขอบเขตจากสถานีรถไฟนครสวรรค์ (สถานีหนองปลิงเดิม) ถึงสถานีคลองปลากด

ประวัติความเป็นมาและการพัฒนา

พื้นที่ของบึงบอระเพ็ดในอดีตนั้นเป็นที่ราบลุ่ม แวดล้อมไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณอันอุดมสมบูรณ์ มีลำคลองเล็กๆ ไหลผ่านและประกอบไปด้วยหนองน้ำหลายแห่ง เมื่อถึงฤดูฝนจะมีน้ำทางเหนือไหลหลากทำให้บริเวณบึงบอระเพ็ดมีน้ำท่วมเป็น บริเวณกว้างจนกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ จระเข้ กุ้งก้ามกรามและตะพาบน้ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องจระเข้แล้วเป็นที่เลื่องลือกันว่าบึงบอระเพ็ดมี จระเข้ชุกชุมมาก จนผู้คนที่นั่งรถไฟผ่านบึงบอระเพ็ดสามารถมองเห็นจระเข้ที่ลอยอยู่ในบึงและ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นมานอนผึ่งแดดตามชายบึงหรือบนเกาะ
ในปี พ.ศ. 2466 ดร.ฮิวจ์ เอ็ม. สมิท ชาวอเมริกันซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการประมง กระทรวงเกษตราธิการได้ออกสำรวจบึงบอระเพ็ดและได้รายงานผลการสำรวจเมื่อวัน ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 ว่าบึงบอระเพ็ดเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่และมีความสำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องการ ประมง เพราะว่าเป็นแหล่งพันธุ์ปลา เป็นทำเลที่ปลาอาศัยเลี้ยงตัว วางไข่ และแพร่พันธุ์ ควรจะมีการบำรุงรักษาให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา
กระทรวงเกษตราธิการจึงได้นำเรื่องนี้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตสงวนบึง บอระเพ็ดไว้เป็นที่สงวนพันธุ์สัตว์น้ำ โดยการสร้างคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำที่ระดับ 23.80 ร.ท.ก. ตลอดปี และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2469 การก่อสร้างทำนบกั้นน้ำและประตูระบายน้ำเริ่มจากปี พ.ศ. 2470 และเสร็จในปี พ.ศ. 2471 สามารถกักเก็บน้ำได้ตลอดปี
กระทรวงพระคลังมหาสมบัติในเวลานั้นได้ประกาศกำหนดเขตบึงบอระเพ็ดไว้เป็นที่ รักษาพืชพันธุ์ปลาน้ำจืด ในปี พ.ศ. 2471 และพิจารณาแก้ไข ในปี พ.ศ. 2473 โดยกำหนดเนื้อที่ประกาศเป็นเขตหวงห้ามไว้ประมาณ 250,000 ไร่ และต่อมารัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2480 ถอนการหวงห้ามเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน 132,737 ไร่ 56 ตารางวา โดยมีอาณาเขตติดต่อกัน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก ในปี พ.ศ. 2490 กระทรวงเกษตราธิการได้แบ่งเขตรักษาพืชพันธุ์ออกเป็น 2 เขต คือ
เขตที่ 1 เป็นเขตหวงห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมง โดยเด็ดขาด มีเนื้อที่ 38,850 ไร่
เขตที่ 2 เป็นเขตหวงห้ามที่อนุญาตให้ราษฎรทำการประมง โดยใช้เครื่องมือบางชนิดที่กำหนดให้ใช้ได้ มีเนื้อที่ 93,887 ไร่ 56 ตารางวา

จัดทำโดย นางสาวณัฐฏ์กานดา  อินทร์เจริญ เลขที่ 29 ม.6/3

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา

ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา




แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแม่น้ำสายหลักสายหนึ่งของประเทศไทย เกิดจากการรวมตัวของแม่น้ำสายหลัก 2 สายจากภาคเหนือ คือ แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์

จากนั้นไหลลงไปทางทิศใต้ ผ่านจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทองพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
ก่อนออกสู่อ่าวไทยที่ปากน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างเขตตำบลท้ายบ้าน ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
นครสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็น เมืองต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้เนื่องจากแม่น้ำปิง และแม่น้ำน่านได้ไหลมาบรรจบกันที่ตำบลปากน้ำโพ บริเวณด้านหน้าเขื่อนในตัวเมือง ซึ่งเป็นจุดรวมของแม่น้ำทั้งสองสายดังกล่าว จะมองเห็นถึงความแตกต่างของสายน้ำทั้งสองได้อย่างชัดเจน กล่าวคือแม่น้ำน่านจะมีสีค่อนข้างแดง และแม่น้ำปิงจะเป็นสีค่อนข้างไปทางเขียว เมื่อมาบรรจบกันแล้วจึงค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ เป็นสายสำคัญของประเทศไทย ไหลผ่านจังหวัดต่างๆ ในภาคกลางไปจนถึงกรุงเทพมหานคร และออกอ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรปราการ มีความยาวประมาณ 370 กิโลเมตร 

ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา

สิ่งอำนวยความสะดวก
การชมทัศนียภาพของต้นแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถชมได้ ๒ จุดคือ จากบริเวณเขื่อนริมต้นแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตลาดปากน้ำโพ จะมองเห็นแหลมยมและฝั่งตรงข้ามซึ่งมีศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ เป็นอาคารทรงเก๋งจีนตั้งอยู่ และจุดที่ ๒ โดยการเช่าเรือจากท่าน้ำเจ้าพระยาเพื่อชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา




จัดทำโดย
นางสาวปณิกา  วอนเกิด  ม.6/3  เลขที่  3

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อุทยานสวรรค์

อุทยานสวรรค์ (หนองสมบุญ) 
สวนสาธารณะกลางเมืองนครสวรรค์มีผู้นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมาก อุทยานสวรรค์ประกอบด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่ เดิมเรียกว่า หนองสมบุญ ต่อมาเทศบาลนครนครสวรรค์ ได้ปรับปรุงสภาพให้เป็นสวนสาธารณะมีถนนวงแหวน 2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะ มีสวนหย่อม สวนไม้ดอกไม้ประดับ มีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตกจำลองขนาดใหญ่ ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพ ด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงาม มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยว เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่ - พิษณุโลก ติดกับทางหลวงสายเอเซีย มีเนื้อที่ประมาณ 314 ไร่ มีรั้วกั้นโดยรอบ มีถนนราดยางภายในกว้าง 6 เมตร โดยรอบ ซึ่งมีความยาวถึง 3200 เมตร ตรงกลางเป็น เกาะมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่เศษ เป็นสถานที่พักผ่อน หย่อนใจของชาวนครสวรรค์ ในยามเช้า และเย็น จะมีประชาชนนับพันคนมาใช้สถานที่แห่งนี้ในการออกกำลังกาย เป็นประจำทุกวัน เป็นสถานที่ที่สวยงาม ร่มรื่น และอุทยานสวรรค์นี้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่กลางเมือง นครสวรรค์มีผู้นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมาก มีเนื้อที่ 314 ไร่ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่ - พิษณุโลก ติดกับถนนสายเอเซีย อุทยานสวรรค์ประกอบด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า หนองสมบุญ มีถนนวงแหวน 2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะซึ่งมีเนื้อที่ 4 ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตก ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพ ด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงาม มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยว
ภายใน อุทยานสวรรค์ กับพื้นที่มากกว่า 314 ไร่ ประกอบไปด้วย หนองน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า หนองสมบูรณ์ มีเกาะกลาง มีสนามหญ้า น้ำพุ สถานที่สำหรับ ออกกำลังกายต่างๆ ทั้งสนามเด็กเล่น สนามกีฬา เวทีกลางแจ้ง น้ำตก สวนหย่อม ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้พบกับทัศนียภาพ ของสวนสาธารณะ ที่มีการสร้างได้กลมกลืน กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ที่สร้างได้ สวยงามเป็นอย่างมาก นอกจากจะมีสถานที่ สำหรับพักผ่อน และสถานที่สำหรับ ออกกำลังกายแล้ว นักท่องเที่ยว ที่เดินทาง มาพักผ่อนที่ อุทยานสวรรค์ก็ยัง จะได้ทำบุญโดยการ ให้อาหารปลา ซึ่งมีปลาขนาดเล็กใหญ่หลายพันธุ์ ลอยขึ้นมากินอาหารเวลาที่เรา โยนอาหารลงไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมา พักผ่อนที่อุทยานสวรรค์ ซึ่งมีพื้นที่อยู่ในเขต เทศบาลนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งอยู่บริเวณ ติดกับ ถนนสายเอเชีย ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่-พิษณุโลก ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ขับรถมุ่งหน้าสู่จังหวัดนคสวรรค์ ผ่านค่ายจิรประวัติ (มณฑลทหารบกที่ 31) ถึงสะพานเดชาติวงศ์ ก็จะเจอสี่แยก หอนาฬิกา ตรงนี้จะมีป้อมตำรวจจราจร ชอนตะวัน ขับรถตรงไปอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงอุทยานสวรรค์ ซึ่งจะอยู่ทางด้านขวามือ
การเดินทางไปยังอุทยานสวรรค์ (หนองสมบุญ)
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่ - พิษณุโลก ติดกับทางหลวงสายเอเซีย
หนองสมบุญ หรือ อุทยานสวรรค์ ปัจจุบันพัฒนาเป็นสวนสุขภาพและสวนพักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกายวันละหลายพันคน ซึ่งการดูแลรักษาและพัฒนาอย่างดีเยี่ยม กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข มอบประกาศนียบัตรในฐานะสวนสาธารณะได้มาตรฐานระดับดีมากแห่งแรกของภาคเหนือ ซึ่งทั้งประเทศได้รับประกาศนียบัตรนี่เพียง 4 แห่งเท่านั้น อุทยานสวรรค์ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่เทศบาลนครนครสวรรค์และชาวปากน้ำโพภูมิใจ
 
สำหรับอุทยานสวรรค์ ท่านสามารถเลือกพักผ่อนได้ตามอัธยาศรัย มีกิจกรรมให้เลือกมากมายโดยรอบพื้นที่  เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย มีอะไรบ้างมาดูกันครับ
1.เดิน - วิ่ง ท่านสามารถเลือกตามระยะทางที่ต้องการได้  ถ้ารอบใหญ่ก็ประมาณ 3.3 กม.  แต่ถ้าไม่ไหวก็ใช้สะพานที่มีเป็นทางลัด รอบกลางประมาณ 2 กม. และรอบเล็ก 1 กม. ครับ เส้นทางการเดิน - วิ่ง เป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา
2.ขี่จักรยาน อันนี้ของใหม่ครับ ท่านจะนำจักรยานมาเอง หรือเช่าของอุทยานก็ได้ มีเลนสำหรับจักรยาน ทิศทางการขี่ต้องตามเข็มนาฬิกาเท่านั้นครับ
3.เครื่องออกกำลังกาย จะกระจายอยู่โดยรอบ  แต่จุดใหญ่ ๆ ที่มีเครื่องเล่นหลายแบบ มีจำนวนมากก็ต้องบริเวณใกล้ รพ.ศรีสวรรค์
4.ปั่นจักรยานน้ำ ท่าเรือขึ้นตรงใกล้ รพ.ศรีสวรรค์
5.แอโรบิค - ตระกร้อ - เปตอง - วอลเล่ย์ - แบตมินตัน - รำไทเก็ก - สนามเด็กเล่น จุดลานกีฬา ใกล้ รพ.ศรีสวรรค์
6.ให้อาหารปลา มีแม่ค้าขายขนมปัง และอาหารปลาอยู่ตรงใกล้ รพ.ศรีสวรรค์ และ หลังป้ายอุทยาน
7.
ระบายสีตุ๊กตาใกล้รพ.ศรีสวรรค์นางสาว สุทธิดา  ทองฤทธิ์ ม.6/3 เลขที่ 15

วัดคีรีวงศ์ นครสวรรค์


 วัดคีรีวงศ์

   วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ ติดกับถนนมาตุลีและถนนดาวดึงส์ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์และ บริษัทถาวรฟาร์ม ในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ของวัดทั้งบนเขาและที่ราบ ประมาณ ๒๘๐ ไร่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ พระธุดงค์ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ได้พบวัตถุโบราณ เช่น อิฐเก่า ใบเสมาเก่า พระพุทธรูปเก่าและฐานอุโบสถเก่า เป็นต้น      สงสัยว่าจะเป็นวัดร้างจึงได้ แจ้งให้กรมการศาสนาทราบและได้ชักชวนประชาชน สร้างกุฎิเล็ก ๆ ที่เชิงเขา ๔-๕ หลังสมัยนั้นยังกันดารไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ กรมการศาสนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสำรวจรังวัดจากหลักฐานวัตถุ โบราณและจากการบอกเล่า ของคนเก่าแก่ที่เคยทำไร่อยู่บริเวณวัดคีรีวงศ์ ยืนยันว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้างจริงและพบบ่อกรุน้ำซึมด้วยกรมการศาสนา สมัย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ เป็นอธิบดีกรมการ ศาสนา ได้สำรวจรังวัดและทำแผนที่ไว้ได้พื้นที่วัดทั้งบนเขาและที่ราบประมาณ ๒๘๐ ไร่ พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะกรรมการผู้ริเริ่มสร้างวัดคีรีวงศ์ ซึ่งมีนายเปงซ้ง แซ่ตั้ง เป็นหัวหน้าได้ ไปขอพระสงฆ์จากเจ้าคณะ อำเภอเมืองฯ ที่วัดนครสวรรค์ เพื่อมาสร้างวัดคีรีวงศ์ คณะสงฆ์ได้ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ หรือ พระเดชพระคุณพระราชพรหมาจารย์ ในปัจจุบัน ซึ่งจำพรรษาอยู่ วัดนครสวรรค์ ให้มาสร้างวัดคีรีวงศ์  อาคารและสถานที่ที่น่าสนใจภายในวัดคีรีวงศ์
 ๑. อุโบสถ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ มีสมเด็จพระพุทธโคดม จำลอง ขนาดหน้าตัก ๔ ศอก ๙ นิ้ว เป็นพระประธาน โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต หรือสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) ปุณฺณสิริ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ และเททองหล่อพระประธาน ณ วัดคีรีวงศ์ พ.ศ. ๒๕๑๕ และที่ฝาผนังอุโบสถ มีภาพวาด พระเจ้า ๑๐ ชาติ ภาพพุทธประวัติ ปางแสดงปฐมเทศนา และปางแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
 ๒. ศาลาพุทธานุภาพ เป็นศาลาทรงไทย ๓ มุข ขนาดกว้าง ๑๓ วา ยาว ๓๓ วา และมีมุขด้านหน้าเนื้อที่ ๔๐ ตารางวา มีเนื้อที่ ตั้งอาคาร ๔๖๙ ตารางวา สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ ใช้เป็นสถานที่บวชศีลจารินี ปีละ ๓ ครั้ง รองรับคนบวชได้ ประมาณ ๒,๕๐๐ คน เป็นที่ ประชุมคณะสงฆ์, อบรมข้าราชการ,นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป วันพระใช้เป็นที่ทำบุญ วันธรรมดา ใช้เป็นที่ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ภายในศาลา วาดรูปพุทธประวัติ รูปพระเวสสันดร ๑๓ กัณฑ์ วาดรูปพระเถระองค์ที่สำคัญในประเทศไทย
 เช่น หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่มั่น เป็นต้น

 ๓. โรงเรียนคีรีวงศ์วิทยา ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัด เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ ๓ ชั้น มี ๓ มุข ยาว ๕๒ เมตร กว้าง ๑๔ เมตร ชั้น ๑ เป็นห้องประชุม ชั้น๒-๓ เป็นห้องเรียน โดยเป็นที่เรียนนักธรรม,บาลี และพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา มี ม.๑ - ๖ ปัจจุบันมีนักเรียน ๑๓๐ รูป
 ๔. ศาลาบำเพ็ญบุญ ใช้เป็นที่จัดเลี้ยง ผู้เข้าประชุมหรือผู้มาบวชศีลจารินี สามารถรองรับคน ได้ประมาณ ๒,๐๐๐ คน 
  ๕. สวนปฎิบัติธรรมโพธิญาณ สวนปฎิบัติธรรมลานโพธิ์ และสวนปฎิบัติธรรมร่มไทร ใช้เป็นสถานที่เดินจงกรมและนั่งสมาธิที่สนามหญ้า หรือใต้ต้นไม้ 
 ๖. สำนักกรรมฐานอุบาสิกา มี ๒ ส่วน คือ สำนักล่างและสำนักบน มีกุฎิกรรมฐาน ประมาณ ๑๐๐ หลัง 
  ๗. วิหารหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ เป็นวิหารใหญ่ ตั้งอยู่ในสำนักกรรมฐานอุบาสิกา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ ปูนปั้น หน้าตัก ๔ ศอก ๙ นิ้ว ทาทองน้ำสีเหลืองเป็นที่สิง สถิตย์ของเทพย์ที่เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ ผู้ขอพรได้รับความสำเร็จขายที่ได้จึงสร้างวิหารถวาย ขนาดกว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๓๐ เมตรและสองข้างหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จ พระพุทฒาจารย์ (โต) และรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 

 ๘. พระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๕ วา ๙ นิ้ว เป็นลักษณะผสมเชียงแสน สุโขทัยและรัตนโกสินทร์ คือ ขัดสมาธิเพชร, เกตุดอกบัวตูม สังฆาฏิสั้น แบบพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน พระพักตร์ ส่วนองค์และพระพาหาเป็นสมัยสุโขทัย ส่วนแท่นพระเป็นสมัยรัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปใหญ่บนยอดเขานี้ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔ โดยนายชุณห์สีห์ นางปราณีอโนดาต เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย
  การเดินทางมาวัดคีรีวงศ์
 1. มาลงที่สถานีรถไฟนครสวรรค์ ต่อรถสองแถวสีเขียว มาลงที่หน้าวัดนครสวรรค์ ต่อรถสายดาวดึงส์ หรือเขาขาด-ตลาด ผ่านหน้าวัดคีรีวงศ์ มีป้ายชื่อวัดติดที่ข้างรถทุกคัน
  2. มาลงที่สถานีขนส่งนครสวรรค์ ต่อรถสองแถว ศูนย์ฯ - ตลาด ผ่านหน้าวัดคีรีวงศ์และมีป้ายชื่อวัดคีรีวงศ์ ติดข้างรถทุกคัน
 3. เมื่อลงหน้าวัดคีรีวงศ์แล้ว หน้าวัดมีมอเตอร์ไซด์
 รับจ้าง ๑๐ บาท 
 4. ถ้าจะเดินออกกำลังกาย ก็เดินเข้าได้ ระยะทาง
 ประมาณ ๕๐๐ เมตร

      


                                                                                                       



นางสาววรรัตน์  ชมชาติ ม 6/3 เลขที่4










 

วัดนครสวรรค์



วัดนครสวรรค์
วัดนครสวรรค์ เดิมมีนามว่า “วัดหัวเมือง” เพราะตั้งอยู่ตอนต้นของตัวเมืองก่อนจะเข้าถึงตัวเมืองจะต้องผ่านวัดนี้ก่อน สร้างขึ้นในราว พ.ศ.1972 โดยประมาณ เดิมหน้าวัดอยู่ทางริมแม่น้ำเจ้าพระยามีต้นโพธิ์และพระปรางค์มองเห็นเด่นชัดสำหรับผู้สัญจรทางน้ำ ต่อมาสายน้ำได้เปลี่ยนทิศทางห่างออกไปจากวัดประมาณ 100 เมตร เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มาแต่เดิม ประมาณ พ.ศ.1972
วัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 702 ถนนโกสีย์ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 22 ไร่ 1 งาน 35 ตารางวา อาณาเขตเฉพาะส่วนที่เป็นเขตพุทธาวาส ทิศเหนือยาว 67 วา ติดต่อกับถนนเทพสิทธิชัย ทิศใต้ยาว 67 วา ติดต่อกับถนนลูกเสือ ทิศตะวันออกยาว 76 วา ติดต่อกับถนนโกสีย์ ทิศตะวันตกยาว 80 วา ติดต่อกับถนนสวรรค์วิถี ซึ่งเป็นถนนผ่ากลางที่ดินตั้งวัด มีโฉนดที่ดินเลขที่ 9943, 9639 และมีที่ธรณีสงฆ์จำนวน 5 แปลง เนื้อที่ 118 ไร่ 99 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 11253, 22673, 1041, 111 และ น.ส. 3 สารบบหน้า 38 เล่ม 1 ที่ธรณีสงฆ์นี้ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำโพ 2 แปลง ตำบลบางม่วง 1 แปลง ตำบลศาลาแดง อำเภอโกรกพระ 1 แปลง และตำบลเนินมะกอก อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 1 แปลง
พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มีกำแพงโดยรอบทั้ง 4 ด้าน และมีประตูเข้าออกได้สะดวกทั้ง 4 ด้าน เช่นกัน ที่ดินตั้งวัดนี้ได้ถูกถนนสวรรค์วิถีตัดผ่านแบ่งเนื้อที่ออกเป็น 2 แปลงเป็นเขตสังฆาวาส และเขตพุทธาวาสในส่วนที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกซึ่งมีเนื้อที่ 13 ไร่ 25 ตารางวา อีกแปลงหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกใช้เป็นเขตฌาปนสถาน มีเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา ภายในบริเวณวัดมีถนนติดต่อระหว่างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ถึงกันหมด
อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีพระอุโบสถกว้าง 12 เมตร ยาว 26 เมตร บูรณะ พ.ศ. 2515 ศาลาการเปรียญกว้างยาวด้านละ 34 เมตร เป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น สร้าง พ.ศ. 2526 กฎิสงฆ์ จำนวน 15 หลัง เป็นอาคารคอนกรีต 9 หลัง อาคารไม้สัก 2 ชั้น 1 หลัง ห้องสมุดจตุรมุขกว้าง 11 เมตร ยาว 12 เมตร อาคารคอนกรีต หอระฆังจตุรมุขสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง อาคารเรียนพระปริยัติธรรมกว้าง 24.50 เมตร ยาว 28.50 เมตร เป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น มีมุขหน้าและหลัง พระวิหารสร้างด้วยอิฐโบราณแผ่นใหญ่ บูรณะ พ.ศ. 2527 อาคารสำนักงานมูลนิธิการกุศล 1 หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล 6 หลัง และฌาปนสถานแบบเตาอบคอนกรีตเสริมเหล็ก
มีพระประธานในพระอุโบสถ ขนาดพระเพลากว้าง 2.50 เมตร สร้างด้วยทองเหลือง มีพระนามเรียกกันว่า “หลวงพ่อศรีสวรรค์” พระพุทธรูปใหญ่ 2 องค์ในพระวิหาร เรียกว่า “พระผู้ให้อภัย” พระพุทธรูปอื่นอีก 2 องค์ในพระวิหาร พระพุทธรูปเนื้อสำริดสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย อยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสจำนวน 4 องค์ พระเจดีย์เก่าอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ 3 องค์ พระปรางค์ซึ่งปรักหักพังมีเพียงซากและรากฐานปรากฏอยู่
ทางราชการได้เคยใช้สถานที่วัดนี้ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (มีศิลาจารึกเป็นหลักฐาน) เป็นที่พำนักอยู่จำพรรษาของเจ้าคณะจังหวัด เป็นสถานที่ใช้สอบธรรมและบาลีสนามหลวงตลอดมา เมื่อ พ.ศ. 2203 ชาวบ้านได้พบช้างเผือก 1 เชือก ที่เมืองนครสวรรค์ได้ประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดนี้ แล้วนำถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เมืองลพบุรี ซึ่งได้พระราชทานนามว่า “เจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์” จึงนับว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล
ในราว พ.ศ.2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จทางชลมารคมาทรงเททองหล่อพระพุทธชินราชจำลองที่จังหวัดพิษณุโลก ได้เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมและเห็นความสำคัญของวัดนี้ จึงได้โปรดให้ย้ายพระครูสวรรค์วิถีวิสุทธิอุตตมคณาจารย์สังฆปาโมกข์ (หลวงพ่อครุฑ) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จากวัดเขา (วัดจอมคีรีนาคพรต) มาพำนักอยู่ประจำที่วัดนี้ ในการย้ายหลวงพ่อครุฑนั้นทางราชการและประชาชนได้ร่วมจัดเป็นการใหญ่มาก มีขบวนแห่แบบเวสสันดร จำนวน 13 ขบวน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบผู้บัญชาการทหารสมัยนั้นจัดขบวนส่งท่านด้วย
พ.ศ.2454 สมเด็จพระราชินีพระพันปีหลวง และสมเด็จพระมาตุจฉา เสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ ได้เสด็จมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันพระราชสมภพ และวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พร้อมด้วยเจ้านายอีกหลายพระองค์ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ เพื่อปฏิสังขรณ์พระอารามนี้ด้วย
พ.ศ.2456 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ได้ทรงแวะเยี่ยมหลวงพ่อครุฑด้วย ในฐานะทรงคุ้นเคยเป็นการส่วนพระองค์มาก่อน และในปีต่อมาได้เสด็จมาในงานศพหลวงพ่อครุฑที่วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง
พ.ศ.2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับเป็นทุนสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ซึ่งได้ครอบหลังเดิมไว้พร้อมทั้งได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์เป็นโลหะทองแดงขนาดใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ในพระอุโบสถด้วย วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 สมเด็จพระภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ได้ประทานผ้าพระกฐินมาทอดถวายที่วัดนี้
สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้เสด็จมาประทับแรมที่วัดนี้ 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 และวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ครั้นถึง พ.ศ.2527 ได้มีนายเสน่ห์ วัฒนาธร รองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เสนอเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อสถาปนาวัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 02047846 ลงวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2528
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2528 วัดนครสวรรค์จึงได้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2528 เป็นต้นมา




จัดทำโดย
นางสาวอรทัย  เรืองสถาน  ม.6/3  เลขที่ 7